สถิติผู้ชมเว็บไซต์







 

 

 

 

 

 


ศัลยกรรมเสริมหน้าอก

 

 

ในปัจจุบันการเสริมหน้าอก เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะเป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับสาว ๆ ให้ดูดีขึ้นในพริบตาและยังช่วยปรับสัดส่วนและรูปร่างของสาว ๆ ให้ดูสวย สมส่วนมากขึ้นด้วย

 

ปัจจัยสำคัญในการเข้ารับบริการเสริมหน้าอกนั้น นอกจากจะพิจารณาเข้ารับบริการจากโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานสูง หรือเลือกศัลยแพทย์เฉพาะทางแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สาว ๆ ควรให้ความสำคัญก็คือทรงของหน้าอกนั่นเอง

 

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน โดยปกติแล้วแบ่งออกเป็น 2 ทรง ได้แก่

 

  • หน้าอกทรงหยดน้ำ หรือ Shaped Implants เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทรงหน้าอกยอดฮิตของสาวไทยจำนวนมาก เพราะทำแล้วดูสวย เนียน เป็นธรรมชาติ ดูเหมือนหน้าอกจริง

 

เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการทำหน้าอกที่ใหญ่มาก แค่อยากให้ดูเป็นธรรมชาติ หรือคนที่หน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อยหรือปานกลางจะช่วยให้เต้านมเชิดขึ้นได้ เนื่องจากซิลิโคนทรงหยดน้ำเป็นทรงที่ถูกออกแบบมาให้เลียนแบบเต้านมตามธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ บริเวณส่วนล่างจะใหญ่กว่าส่วนบน หลังเสริมจึงทำให้ดูเป็นธรรมชาติ

 

- เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมหน้าอกให้ดูเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นบล็อกจนเกินไป

 

- ทรงหยดน้ำจะผลิตมาในรูปแบบผิวสัมผัสเป็นผิวทรายเท่านั้น เนื่องจากเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดีลดโอกาสเกิดการหมุนของซิลิโคน

 

- สามารถให้รูปทรงที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการ เสริมในปริมาณมาก หรือไม่ต้องการให้เห็นเนินอกด้านบนเด่นชัดจนเกินไป

 

- เหมาะกับคนผิวหนังหรือเนื้อหน้าอกหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือปานกลาง จะช่วยแก้ไขให้ได้ทรงหน้าอกที่ดีขึ้น


 

 

 

  • หน้าอกทรงกลม หรือ Round Implant

 

เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมหน้าอกโดยทั่วไป เสริมขนาดใหญ่ หรือเสริมให้เนื้อหน้าอกบริเวณด้านบนดูอวบอิ่ม ซึ่งซิลิโคนทรงกลมมีขนาดหลากหลายทั้งทรงพุ่งมากและทรงพุ่งน้อย อีกทั้งยังมีความนุ่มและขอบที่โค้งมนเข้ารูป เมื่อเสริมแล้วความรู้สึกสัมผัสบริเวณเต้านมจะนิ่มเป็นธรรมชาติ

 

 

- เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานหน้าอกอยู่แล้ว แต่อยากได้ความชัดของหน้าอกมากขึ้น

 

- ซิลิโคนทรงกลม จะเพิ่มทรงให้ดูใหญ่และเห็นเนินอกชัดเจนกว่าซิลิโคนทรงหยดน้ำ

 

- ซิลิโคนเจลภายในจะเหลวกว่าทรงหยดน้ำ

 

- ไม่เกิดปัญหาเรื่องการบิดหมุน จึงไม่ทำให้เกิดการผิดรูปทรง

 

- อาจเห็นขอบบนของซิลิโคนได้ชัดเจนในกรณีที่ใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่เกินไป หรือเป็นคนเนื้อหน้าอกบาง

 

 

 

แผลผ่าตัดหน้าอกมี 3 ตำแหน่งคือ

 

  • บริเวณรักแร้ รอยแผลบริเวณนี้จะเหมาะสำหรับคนไทย เนื่องจากโดยปกติแล้วคนเอเชียมักจะมีรอยแผลหลังผ่าตัด แผลหายช้า และมีโอกาสที่แผลจะนูนมากกว่าคนชาติอื่น หากไม่ต้องการให้เห็นรอยแผลเป็นเลยสามารถซ่อนรอยแผลไว้บริเวณใต้รักแร้ได้ แต่ในช่วงแรกหลังการผ่าตัดจะเจ็บแผลมากเนื่องจากใกล้กับกล้ามเนื้อแขนพอดี ทำให้เคลื่อนไหวมากไม่ได้
  • บริเวณราวนม รอยแผลบริเวณนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติ เหมาะสำหรับคนที่แผลหายเร็ว และไม่เป็นแผลเป็นนูน สามารถผ่าตัดได้ง่ายกว่าและจัดทรงง่ายกว่าการผ่าที่ตำแหน่งอื่น ทุกวันนี้คนไข้นิยมแบบนี้กันมาก แต่สำหรับคนที่แผลหายช้าอาจจะเป็นแผลเป็นได้ ทำให้มีรอยแผลที่บริเวณขอบชุดชั้นใน
  • บริเวณปานนม อยู่ตรงบริเวณรอยต่อของผิวสีเข้มและผิวสีอ่อนตรงหัวนม เวลาแผลหายจะมองไม่ค่อยเห็น การผ่าตัดทำได้ง่ายเหมือนแผลที่บริเวณราวนม สามารถซ่อนแผลได้ แต่ข้อเสียคือบางรายอาจจะอาการหัวนมชา เพราะการผ่าตัดใกล้หัวนมมาก และการผ่าตัดบริเวณนี้เป็นจุดเดียวที่อาจจะไปรบกวนเนื้อหน้าอกด้วย

 

 

 

 

 

รูปแบบการเสริมหน้าอก

 

การผ่าตัดเสริมหน้าอกในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 แบบ สามารถทำแบบใดแบบหนึ่งหรือทำร่วมกันทั้งสองอย่างในครั้งเดียวได้ ประกอบไปด้วย

 

1. การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation) 

 

2. การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation) เป็นวิธีที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะใช้เนื้อเยื่อตนเอง ไม่ใช้วัตถุแปลกปลอม มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่มีข้อจำกัดหลายเรื่อง ได้แก่ จำเป็นต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติมคือ การดูดไขมัน ซึ่งต้องมีอุปกรณ์เฉพาะและการอยู่ตัวของไขมันที่ฉีดอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

 

 

 

อายุกับการเสริมเต้านม

 

ในแต่ละช่วงอายุลักษณะของหน้าอกจะแตกต่างกัน การเสริมหน้าอกในช่วงอายุน้อยและก่อนมีบุตรจะช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว หน้าอกค่อนข้างกระชับ หย่อนคล้อยช้า แต่มีความตึงสูง และอาจใช้เวลาในช่วงระยะแรกก่อนที่รูปทรงจะเข้าที่ ส่วนการเสริมหน้าอกในช่วงที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังมีบุตร หน้าอกจะมีการขยายตัวมาบ้างแล้ว และมีความยืดหยุ่น ทำให้รูปทรงเข้าที่ได้เร็ว แต่ก็อาจทำให้มีการหย่อนคล้อยเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะบางรายที่หน้าอกเดิมมีการหย่อนคล้อยมากอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดยกกระชับไปด้วย

 

 

 

เพราะศัลยแพทย์มีส่วนสำคัญทั้งในขั้นตอนก่อนผ่าตัด การเลือกซิลิโคน การแนะนำวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสม ตลอดจนขั้นตอนการผ่าตัดให้ได้ผลดีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจเสริมหน้าอกควรศึกษาข้อมูลและเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับมีทีมสหสาขาที่มากด้วยประสบการณ์เพื่อผลการผ่าตัดที่น่าพอใจ 

 

คนที่มีหน้าอกใหญ่ก็ดีไป แต่หน้าอกเล็กนี่สิ คิดหนัก! แต่สมัยนี้การเสริมหน้าอกให้อวบอิ่มสมส่วน ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ไม่ว่าจะอกเล็ก อกไข่ดาวขนาดไหนก็ช่วยได้ ปัจจุบันการเสริมหน้าอกมีหลากหลายวิธี เช่น การเสริมด้วยซิลิโคน การเสริมด้วยการฉีดไขมันตัวเอง เป็นต้น

 

เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน vs ฉีดไขมันตัวเอง

 

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนคนไข้สามารถเลือกขนาด รูปทรงได้ตามต้องการ อีกทั้งการเสริมด้วยซิลิโคนมีอายุการใช้งานถึง 10 ปี ข้อเสียคือสามารถเกิดพังผืดได้

 

เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันตัวเอง

 

ส่วนการเสริมด้วยการฉีดไขมันตัวเองมีข้อดีตรงที่เป็นไขมันตัวเองทำให้ได้รูปทรงหน้าอกเป็นธรรมชาติไม่มีปัญหาของพังผืด แต่ข้อเสียคือต้องฉีดหลายครั้งและต้องมีไขมันเพียงพอต่อการฉีดในแต่ละครั้ง อีกทั้งรูปทรงหน้าอกสามารถหย่อนคล้อยได้

 

สิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนมี “น้องนม”

 

 

 

การวางซิลิโคนบริเวณหน้าอกเพื่อความปลอดภัย มี 3 แบบ

 

1. วางใต้กล้ามเนื้อ เหมาะกับคนที่ผิวหนังค่อยข้างบาง ไม่ค่อยมีเนื้อนม หลังเสริมจะได้เนินอกสวยลาดเอียงเป็นธรรมชาติ

 

2. วางใต้ตัวเนื้อนม สำหรับคนที่มีเนื้อนมหนาพอสมควรและหน้าอกคล้อยไม่มาก หลังเสริมเต้านมจะชิดกันดูสวยงามขึ้น และวางบางส่วนอยู่เหนือกล้ามเนื้อและบางส่วนใต้กล้ามเนื้อ

 

3. เสริมระหว่างชั้นกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อย


 

 

เมื่อจัดวางถุงซิลิโคนเข้าที่เรียบร้อยแล้วจะเย็บแผลปิดด้วยไหมขนาดเล็ก ซึ่งการผ่าตัดเสริมหน้าอกจะใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง และหลังการผ่าตัดต้องนอนพักในโรงพยาบาล 1-2 วัน

 

นอกจากการเสริมด้วยซิลิโคน หากสาวๆ คนไหนที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนแล้วแต่ยังไม่อวบอิ่ม ดูไม่เป็นธรรมชาติการฉีดไขมันตัวเองเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หรือจะเสริมด้วยซิลิโคนร่วมกับการฉีดไขมันตัวเองก็ได้

 

แต่ในกรณีที่สาวๆ ไม่มีเนื้อนมเลยและต้องการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันตัวเองเพียงอย่างเดียว กรณีนี้ไม่แนะนำเพราะไขมันบางส่วนจะสลายไปได้ ผลลัพธ์อาจจะอยู่ไม่ได้ถาวรเหมือนการเสริมด้วยถุงนมซิลิโคน

 

การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันตัวเองจึงเหมาะกับคนที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมาแล้วแต่ยังดูไม่อวบอิ่ม สามารถเติมด้วยการฉีดไขมันตัวเองร่วมด้วยเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น หรือมีปัญหาหน้าอกห่างก็สามารถฉีดไขมันตัวเองเพื่อให้อกชิดขึ้นได้

 

หากใครสนใจที่จะเสริมหน้าอก แต่ยังลังเลว่าจะเสริมหน้าอกแบบไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางได้โดยตรง เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ อีกทั้งก่อนเสริมต้องเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

 

 

 

ความแตกต่างของซิลิโคนแต่ละชนิด

 

ทุกวันนี้เราสามารถหาความรู้เรื่องซิลิโคนเสริมหน้าอกกันเองได้ในอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่หากอยากรู้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ รวมไปถึงสามารถเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของซิลิโคนแต่ละชนิดได้ ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรงที่โรงพยาบาล

 

 เลือกขนาดซิลิโคนให้เหมาะสมกับขนาดตัว


 

 

หลายคนอาจจะเคยมีความคิดว่าถ้าจะเจ็บตัวทั้งทีควรทำให้ใหญ่ไปเลย แต่ในความจริงแล้วการเลือกขนาดของซิลิโคนต้องคำนึงถึงสรีระของเราด้วย เนื่องจากขนาดที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดผลเสียตามมา ดังนี้

 

  1. หน้าอกที่ใหญ่เกินไป จะทำให้รู้สึกแน่น หายใจไม่ออก และปวดหลัง
  2. เกิดปัญหาหัวนมชา เนื่องจากซิลิโคนขนาดใหญ่ไปเบียดหัวนมและเส้นประสาท
  3. ยิ่งขนาดใหญ่มากโอกาสที่นมจะแข็งเพราะพังผืดรัดตัวก็ยิ่งสูงขึ้น

 

วิธีการเลือกซิลิโคนที่ทำให้ได้ขนาดที่พอดีกับสรีระ โดยการวัดขนาดรอบอก วัดเส้นผ่านสูงกลางหน้าอก ความสูงหน้าอก วัดระยะจากหัวนมถึงฐานนม จากนั้นจึงค่อยมาเปิดแคทตาล็อกเพื่อเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม และยังมีอีกวิธีง่ายๆ คือ ให้เอาเสื้อชั้นในคัพที่เราต้องการมาลองใส่ แล้วเอาไซส์ซิลิโคนที่ต้องการมาลองใส่เข้าไปให้พอดี จากนั้นดูกระจกด้วยตัวเองว่าชอบรูปร่างตอนนี้หรือยัง แล้วจึงให้แพทย์ช่วยวัดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์อีกทีว่าขนาดที่เราพอใจเป็นขนาดที่เหมาะกับตัวเองไหม


 

 

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

 

1. ผู้ป่วยควรงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด

 

2. ผู้ป่วยไม่ควรขับรถมาเองในวันผ่าตัด

 

3. ก่อนผ่าตัดผู้ป่วยควรงดรับประทานยาดังต่อไปนี้ ยาแก้ปวดที่ไม่ใช่พาราเซตามอน ยาสมุนไพร วิตามิน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดบางชนิด ต้องหยุดรับประทานก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 7 วัน

 

4. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด หลีกเลี่ยงการผ่าตัดช่วงที่มีประจำเดือน

 

5. ไม่ควรนำเครื่องประดับและของมีค่าทุกชนิดมาในวันผ่าตัด

 

6. ในวันผ่าตัดควรใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ใส่สบาย เลือกเสื้อที่ติดกระดุมหน้าหรือรูดซิปด้านหน้าเพื่อสะดวกต่อการสวมใส่ รองเท้าให้เลือกรองเท้าสวมสบายไม่หุ้มข้อ ผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องก้มเพื่อใส่รองเท้า

 

7. ผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ควรหยุดสูบ 4  อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด

 

8. ในวันผ่าตัดตอนเช้าควรอาบน้ำ สระผม ก่อนผ่าตัด  

 

9. ในวันผ่าตัดผู้ป่วยต้องไม่ทาสีเล็บ หรือต่อเล็บปลอมใดๆ ที่นิ้วมือ

 

10. ทางคลินิกไม่อนุญาตให้ญาติมานอนเฝ้าผู้ป่วย

 

 

การดูแลหลังการผ่าตัด


1. ควรรับประทานอาหารอ่อนๆอย่างน้อย 2 วัน


2. ถ้ามีอาการปวดมากหรือมีไข้ ผู้ป่วยสามารถติดต่อที่ Tel.087-9776277 หรือเข้าพบแพทย์ได้ที่คลินิก


3. การปวดตึงของกล้ามเนื้อ จะเริ่มปวดตั้งแต่เย็นวันทำการผ่าตัด และจะค่อยๆลดลงจนดีขึ้นหลังการ   ผ่าตัด 3 วันขึ้นไป


4. ผู้ป่วยสามารถเช็ดตัวได้ตามปกติ ระวังอย่าให้แผลเปียก ถ้าผ้าพันหลุดให้พันกลับเหมือนเดิมใน         ระยะ 7 วันแรก


5. สามารถอาบน้ำถูสบู่ได้ตามปกติหลังการตัดไหม 1 วัน


6. ควรใส่ซัพพอร์ทบราทั้งกลางวันและกลางคืนในช่วง 1 เดือนแรก หลังตัดไหม


7. วันที่ 10-12 วันหลังผ่าตัด จะนัดมาตัดไหมและตรวจเต้านม โดยเริ่มสอนให้นวดเบาๆ


8. ไม่ควรยกของหนัก หรือออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าอก ประมาณ 2 อาทิตย์ ไม่ให้ยกแขนสูงเหนือระดับไหล่


9. อาทิตย์ที่ 2 ผู้ป่วยเริ่มทำการนวดเต้านมวันละ 10-15 นาที อย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน ควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 6 เดือนเพื่อไม่ให้เกิดพังพืดหดรัดซิลิโคนทำให้เต้านมแข็งเป็นก้อน


10. การมาตามนัดและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลที่คลินิกถือเป็นหน้าที่ของผู้ป่วย หากผู้ป่วยผิดนัดแล้วเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างนี้ ผู้ป่วยไม่สามารถเรียกร้องให้คลินิกรับผิดชอบ
ได้

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดเสริมหน้าอก

 

  1. ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาชา ยาสลบ เช่นแพ้ยาชา ยาสลบ มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดหัว ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ ในผู้ป่วยบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
  2. ภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดเสริมหน้าอกและวัสดุที่ใช้เสริมหน้าอก เช่นห้อเลือด มีเลือดคลั่ง ผิวหนังเต้านมตาย ติดเชื้อที่เต้านม ติดเชื้อที่ผิวหนัง พังพืดหดรัดตัว เจ็บชาหัวนม มีแผลเป็นนูน มีแผลเป็นขนาดใหญ่ ซิลิโคนทะลุ ซิลิโคนเหลวรั่ว หัวนมและนมบิดผิดรูป ซิลิโคนอยู่ผิดที่ ซึ่งพบได้น้อยมักพบเพียง 1% ที่อาจจะต้องมีการผ่าตัดแก้ไข
  3. อาจเกิดหลอดเลือดดำที่ผิวหนังอุดตันเต้านมอักเสบ ทำให้มีอาการเจ็บ บวม มีก้อนที่เต้านม ซึ่งพบได้ไม่บ่อย
  4. ผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคน การคงรูปของเต้านมที่เสริม ขึ้นอยู่กับอายุ รูปร่าง ชนิดของซิลิโคน และจำนวนปีที่ทำผ่านไป ซึ่งซิลิโคนส่วนมากจะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อและชนิด


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 


คลิกดูรีวิวภาพศัลยกรรมเสริมหน้าอก