สถิติผู้ชมเว็บไซต์







 

 



 

ศัลยกรรมลดโหนกแก้ม (Cheekbone Reduction / Zygoma Reduction )

 


เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่จะเพิ่มหรือบั่นทอนความสวยความงามบนใบหน้า สำหรับคนที่มีปัญหาโหนกแก้มสูงนูนหรือ/และใหญ่เกินขนาดรูปร่างใบหน้า จะทำให้รูปร่างของใบหน้าดูกาง ลักษณะรูปร่างใบหน้าของคนเอเชีย ส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะโหนกแก้มที่ใหญ่ และ/หรือกรามที่ใหญ่ จึงทำให้ลักษณะรูปใบหน้าเป็นรูปเหลี่ยม ไม่เรียว มองดูเป็นลักษณะจำเพาะ ทำให้เทคโนโลยีการผ่าตัดเพื่อที่จะลดขนาดของโหนกแก้มและกรามให้เล็กและเรียวยิ่งขึ้น ดูเข้ารูปสวยงามมีมิติที่เด่นชัดขึ้น สำหรับปัญหาต่างๆ เหล่านี้ สามารถที่จะทำการผ่าตัดเพื่อลดโหนกแก้มได้ เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมที่จะให้คำปรึกษาและตอบโจทย์ปัญหา โดยแพทย์จะทำการประเมินขนาด รูปร่างของโหนกแก้มและกรามของคนไข้ เพื่อให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาร่วมกัน ลักษณะของโหนกแก้มที่มีขนาดใหญ่นั้น เนื่องจากสาเหตุมาจากกระดูกโหนกแก้ม (Zygoma) ที่มีรูปลักษณะไม่ได้สัดส่วนที่พอดีกับใบหน้า


การผ่าตัดโหนกแก้ม 2 ประเภท ดังนี้


1.การกรอกกระดูก โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลในปากของคนไข้ แล้วใช้เครื่องมือพิเศษสอดเข้าไปกรอให้กระดูกโหนกแก้มเล็กลง ข้อดีของการกรอกระดูกโหนกแก้ม คือ การผ่าตัดโหนกแก้มสามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน ข้อเสียของการกรอกระดูกโหนแก้ม คือ ไม่สามารถลดโหนกแก้มได้เกิน 1 เซนติเมตร ดังนั้น วิธีนี้จึงเป็นวิธีการกรอโหนกแก้ม ที่เหมาะกับผู้ที่มีโหนกแก้มไม่โตมากนัก


2.การตัดกระดูกโหนกแก้มและเลื่อน เป็นวิธีการผ่าตัดโหนกแก้มที่มีความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากก่อนที่จะเริ่มทำการตัดกระดูกโหนกแก้มและเลื่อน จำเป็นต้องมีการ X-ray ใบหน้า เพื่อตรวจกระดูกรูปลักษณะของใบหน้าโดยละเอียด เพื่อที่จะทำการวัดค่าต่างๆ บนใบหน้า และทำกรประเมินวางแผนการผ่าตัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ให้ดีที่สุด โดยที่แผลจะอยู่ในปากของคนไข้เช่นกัน และมีไทเทเนียมยึดโหนกแก้มหลังจากรับการผ่าตัดโหนกแก้ม ข้อดีของวิธีการตัดกระดูกโหนกแก้มและเลื่อน คือ สามารถที่จะทำการตกแต่งบริเวณรูปร่างของโหนกแก้มได้ดี และสามารถที่จะลดขนาดโหนกแก้มได้มาก ข้อเสียของการตัดกระดูกโหนกแก้มและเลื่อน คือ ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดโหนกแก้มค่อนข้างนาน ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีขนาดของโหนกแก้มที่โตมาก ต้องการลดขนาดโหลกแก้มมากๆ


 

“ลดโหนกแก้ม” ทางเลือกของคนอยากหน้าเล็ก


ลดโหนกแก้ม เปลี่ยนหน้าบาน เป็นหน้าเรียว ทุบโหนกแก้ม ด้วยเทคนิคพิเศษเฉพาะ สร้างโครงหน้าให้ดูละมุน เป็นธรรมชาติ รับกับใบหน้า ปลอดภัยโดย ทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง และ วิสัญญีแพทย์ พร้อมเครื่องมือเทคโนโลยีระดับโลก

ปัญหาของคนโหนกแก้มสูง

โครงสร้างของโหนกแก้มที่ใหญ่ และ สูงนั้น จะพบมากในคนที่มีเชื้อชาติแถบเอเชียซะเป็นส่วนใหญ่  มักมีรูปกระดูกที่ค่อนข้างหนา ซึ่งทำให้มองเห็นโครงกระดูกใบหน้าที่ชัดเจน ในเพศชาย การมีโครงสร้างของโหนกแก้มที่สูง กระดูกที่ชัดเจน จะทำให้ใบหน้าแลดูแข็ง เหมาะสมกับความเป็นผู้ชาย ส่วนของเพศหญิงนั้น การมีโหนกแก้มที่นูนขึ้นมาเพียงเล็กน้อย จะทำให้ใบหน้าดูอ่อนหวาน เหมาะสมกับความเป็นผู้หญิง แต่หากผู้หญิงที่มีลักษณะโหนกแก้มสูง และใหญ่ อาจทำให้ใบหน้าดูแข็งเกินไป ไม่อ่อนหวานสมกับความเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของสาวๆ ทั้งหลาย วิธีดีที่สุด คือ “ศัลยกรรมกรอโหนกแก้ม”

 

ข้อดีของการลดโหนกแก้ม

  • เปลี่ยนตาแหน่งของโหนกแก้มให้สมส่วนโดยไร้ปัญหาการหย่อนคล้อยของแก้ม
  • ใบหน้าที่เล็กลงจากการลดโหนกแก้มและมีมิติของหน้ามากขึ้น
  • ผลลัพธ์ของขนาดโหนกแก้มที่ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ

  

ผู้ที่เหมาะสม ผ่าตัดลดโหนกแก้ม

  1. การผ่าตัดลดโหนกแก้ม จะให้ผลดีกับ คนที่มีโหนกแก้มสูงใหญ่มาก หรือ คนที่มีหน้าแบนกว้างเกินไป หรือมีโครงสร้างของใบหน้าส่วนกลางไม่สมดุล ในบางคนมีโหนกแก้มสูงและมีแก้มตอบลึกลงไป  การที่ใบหน้ามีลักษณะเหล่านี้ การผ่าตัดแก้ไขปรับปรุง ขนาดและรูปทรงของโหนกแก้มจะช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็กลง  ดูอ่อนโยน มีเสน่ห์น่าชวนมอง
  2. สุขภาพร่างกายแข็งแรง สามารถดมยาสลบได้
  3. มีความคาดหวังบนพื้นฐานของความเป็นจริง

 

 

 

 

 

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  1. ในกรณีที่ ผู้ป่วยอายุเกิน 40 ปี  ควรตรวจสุขภาพ ร่างกาย เจาะเลือด  X-ray ปอด

 และตรวจคลื่นหัวใจ เพื่อความมั่นใจว่าไม่เป็นโรคหัวใจที่มีผลต่อการดมยาสลบ

  1. X-ray ใบหน้า เพื่อวิเคราะห์โครงสร้าง และความหนาของกระดูกหน้าของผู้ป่วย
  2. ผู้ป่วยควรหยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  3. ผู้ป่วยควรหยุดรับประทานยาแก้อักเสบ วิตามิน หรือสมุนไพร ที่รับประทานเป็นประจำ หรือยาที่มีผลต่อการการหยุดของเลือด อย่างน้อย 2 สัปด

 

ขั้นตอนการผ่าตัดลดโหนกแก้ม

  1. ดมยาสลบ
  2. เทคนิคการผ่าตัดยุบโหนกแก้ม เป็นแบบการตัดกระดูกโหนกแก้มเป็นรูป ตัว L ซึ่งมีการผ่าตัด 2 ที่ คือ แผลใบปาก และ แผลที่เหนือหู หลังไรผม โดยเป็นแผลเล็กๆ ประมาณ 1-2 เซนติเมตร
    • แผลในปาก เป็นการเปิดแผลเพื่อการผ่าตัดกระดูกโหนกแก้มด้านหน้า (Zygoma body) โดยตัดกระดูกเป็นรูปตัว L 
    • แผลเหนือหู เป็นการผ่าตัดก้านกระดูกโหนกแก้ม (Zygoma arch) จากนั้นจะบิดกระดูกโหนกแก้มไปด้านหลัง แล้วยึดด้วยเพลท และสกรู กระดูกส่วนส่วนเกินที่ไม่เรียบ ต้องกรอด้วยหัวกรอให้เรียบ จากนั้นเย็บปิดแผลให้เรียบร้อย

 


ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน การผ่าตัดลดโหนกแก้มจะมีความเสี่ยงและปัญหาแทรกซ้อน คล้ายๆกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วๆไป

-  อาจจะเกิดการติดเชื้อ                                                -  เลือดออก มีลิ่มเลือด

-  บวม ช้ำ เขียว                                                        -  เนื้อเยื่อฉีกขาดรอบๆบริเวณที่ผ่าตัด

-  เส้นเลือด เส้นประสาทฉีกขาด                                      -  การแพ้ยาดมสลบ

-  อาการชา ความรู้สึกที่ผิวบริเวณโหนกแก้มหายไป                 -  โหนกแก้มสองข้างอาจจะไม่เท่ากัน

กระดูกโหนกแก้มแกว่งไปมายึดไม่แน่น                             -  โหนกแก้มอยู่ผิดตำแหน่ง อาจเกิดการผ่าตัดแก้ไขครั้งที่สองได้

 

การดูแลหลังผ่าตัดลดโหนกแก้ม

  1. การดูแลหลังผ่าตัดสำคัญมากเพื่อป้องกันการติดเชื้อให้ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยๆเพื่อล้างทำความสะอาดแผลในปาก
  2. ผู้ป่วยควรนอนหมอนสูงช่วยลดอาการบวม
  3. ให้เคลื่อนไหวด้วยการเดินเพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด
  4. ต้องใส่ผ้ารัดหน้า ตลอดเวลา 3 วัน หลังจากนั้นให้ใส่เฉพาะกลางคืนอีก 1 เดือน
  5. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหมหลังผ่าตัด 1 เดือน
  6. ผู้ป่วยควรงดอาหารที่มีลักษณะแข็ง เหนียว ที่ต้องออกแรงเคี้ยวมากๆ เป็นเวลา 1 เดือน
  7. งดสูบบุหรี่ และดื่มเหล้า หลังผ่าตัด 1 เดือน
  8. ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อติดตามผล (การไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งถือเป็นหน้าที่ของผู้ป่วยที่ไม่ควรละเลย)
  9. เนื่องจากมีแผล 2 ตำแหน่ง คือแผลในปาก ไม่ต้องตัดไหม ไหมจะหลุดไปเองภายใน 30 วัน 
  10. ส่วนแผลที่อยู่เหนือหูประมาณข้างละ 1 เซนติเมตรต้องตัดไหมหลังผ่าตัด 7 วัน 
  11. สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติหลังผ่าตัด 7 วัน
  12. สามารถออกกำลังกายได้หลังผ่าตัดประมาณ 4 สัปดาห์  
  13. แผลจะยุบบวมเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือน


รีวิวลดโหนกแก้ม










 

ตัดกราม / เหลากราม / กรอกราม (Jaw Reduction)






 

 

ผ่าตัดกราม (Jaw Reduction)

 

            กรามเป็นส่วนหนึ่งของความสวยงามและความกลมกลืน ของใบหน้าส่วนล่าง  เมื่อต้องการที่จะปรับเปลี่ยนรูปหน้า การมีกรามใหญ่ๆ เป็นเหลี่ยมมุม มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้ใบหน้าดูดุดัน เข้มแข็งแบบผู้ชาย   การผ่าตัดกรามเป็นการผ่าตัดกระดูกกราม เพื่อลดขนาดและปรับเปลี่ยนรูปทรง   ทำให้แนวกรามมีความโค้งเรียวยาว เป็นแนวเดียวกับแนวคาง จะทำให้ใบหน้าดูเล็กเรียว ดูอ่อนหวาน มีเสน่ห์น่าชวนมอง  การตัดกรามเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ต้องไม่ตัดเป็นวีเชฟ ( V- shape ) มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ใบหน้าดูแหลมเหมือนหนู ต้องตัดพอประมาณให้มีความโค้งมนรับกับแนวคาง นอกจากนี้แล้ว การตัดกรามและคาง ยังมีความสำคัญต่อการปรับเปลี่ยนใบหน้าชายให้เป็นหญิงอีกด้วย  (Facial Feminization Surgery)   


ศัลยกรรมตัดกราม  ให้เล็กลงก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ใบหน้าเปลี่ยนรูปทรงใหม่ได้ โครงสร้างของใบหน้าส่วนล่างที่ทำให้ดูหน้ากว้าง ประกอบด้วยส่วนหลัก ๆ 2 ส่วน คือ ส่วนมุมของกระดูกขากรรไกรล่างยื่นออก และกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวอาหารที่เกาะบนส่วนมุมนั้นหนาตัวกว่าปกติ (สังเกตได้จากเวลาที่เรากัดฟันแล้วมัดกล้ามเนื้อข้างแก้มนูนขึ้น)  ส่วนอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อความกว้างแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดนี้ ได้แก่ ไขมันแก้ม , ต่อมน้ำลายบนแก้มโต เช่นที่พบในผู้ที่กินเหล้าจัด เป็นต้นโยนขึ้น การตัดกรามให้เล็กลง สามารถทำได้ทั้งจากภายนอกช่องปากและภายในช่องปากการตัดแต่งมุมกรามนี้ก็ไม่ใช่การเลื่อนกราม และไม่ต้องมีการจัดฟันร่วมด้วย โดยการตัดแต่งมุมกรามนี้ ถือว่าเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างง่ายไม่ซับซ้อน  ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานนัก และได้ผลดี ถ้าอยู่ในมือของแพทย์ผู้ที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่แพทย์จะตัดแต่งเฉพาะส่วนที่เป็นกระดูกยื่นเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ตัดส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ และที่สำคัญก็คือ มีรายงานว่าเมื่อตัดแต่งกระดูกที่ยื่นออกไปแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อที่เกาะอยู่หดตัวเล็กลงได้เอง

 

        ดังนั้นก่อนการผ่าตัด แพทย์จะต้องตรวจดูขากรรไกรก่อนว่ามีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น ความหนาของกระดูก ความสูงของขากรรไกร ความสมดุลของกระดูกกรามข้างซ้ายและขวา ซึ่งอาจมีผลให้ไม่สามารถทำให้เท่ากันได้ เพราะโครงสร้างที่แตกต่างกัน รูปทรงของข้อต่อขากรรไกร ฯลฯ รวมทั้งแพทย์ต้องตรวจภาพเอกซเรย์ด้วย จึงจะพอประเมินได้ว่า เมื่อตัดแต่งแล้วจะได้รูปทรงอย่างไร และจะลดมุมเหลี่ยมของกระดูกกรามได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้นคุณควรสอบถามและทำความเข้าใจกับแพทย์ให้ดี รวมทั้งแจ้งประวัติ ว่าคุณมีโรคประจำตัวอะไรอยู่หรือเปล่า แพ้ยาอะไรบ้าง ฯลฯ ให้แพทย์ทราบโดยละเอียดด้วย

 

         หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัด แพทย์จะใช้ยาสลบเพื่อไม่ให้คุณรู้สึกตัวหรือรู้สึกเจ็บในระหว่างการผ่าตัด แล้วแพทย์ก็จะลงมือผ่าตัดโดยวิธีที่แพทย์เลือกไว้ ซึ่งวิธีการผ่าตัดกรามมี 2 วิธี คือ ผ่าตัดภายนอกปาก ผ่านผิวหนังบริเวณมุมกรามโดยตรงและ ผ่าตัดภายในปาก โดยซ่อนแผลไว้บริเวณซอกเหงือกด้านหลังฟันซี่สุดท้ายในปาก


 




การผ่าตัดจากภายในช่องปาก

วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะยุ่งยากมากกว่า และจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่พิเศษกว่าการตัดจากภายนอก แพทย์จะทำการเปิดแผลที่ในช่องปากตรงบริเวณหลังฟันกรามซี่สุดท้าย ในแนวดิ่ง แล้วค่อยๆ เลาะแยกเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวรวมทั้งกล้ามเนื้อที่คลุมมุมกรามออก หลังจากนั้นจึงเลาะเยื่อหุ้มกระดูกออกให้กว้างเพียงพอที่จะสอดใส่เครื่องมือเข้าไปที่มุมกราม เพื่อจะให้เห็นมุมกรามและกรามส่วนหลังได้ชัดเจน หลังจากนั้นจึงใช้เลื่อยที่มีรูปร่างเป็นเลื่อยมุมฉากเข้าไปทำการตัดตามแนวที่ต้องการ เลื่อยชนิดนี้จะมีความยาวเพียงพอที่จะทำให้การตัดในแนวตั้งฉากสามารถทำได้ หลังจากนั้นแพทย์จึงนำชิ้นกระดูกที่ถูกตัดขาดออกมาพร้อมกับการตกแต่งกระดูกส่วนที่เหลือให้กลมมนตามปกติ แล้วจึงเย็บแผลปิดตามเดิม ปัญหาของการตัดด้วยวิธีนี้นั้นส่วนมากมักจะเป็นเรื่องเทคนิกการผ่าตัดซึ่งมักจะต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด รวมทั้งต้องการเครื่องมื่อที่เหมาะสมด้วยจึงจะทำให้การผ่าตัดได้ผลดีและกระดูกที่ตัดออกมานั้นมีขนาดที่พอเหมาะ การผ่าตัดจากภายในปากนี้มีการดึงรั้งกล้ามเนื้อและเยื่อบุปากมากกว่าจึงมีอาการบวมค่อนข้างจะมากกว่าการตัดจากภายนอกปาก แต่ไม่มีแผลเป็นให้เห็นจากภายนอกและการกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทก็มักจะไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ

 

การผ่าตัดจากภายนอกช่องปาก

 เป็นการผ่าตัดที่แพทย์จะเปิดแผลจากภายนอกบริเวณใกล้ ๆ กับมุมกรามแล้วค่อย ๆ เลาะผ่านกล้ามเนื้อและหลบเส้นประสาทสำคัญเส้นหนึ่งที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมุมปาก หลังจากนั้นจึงตัดแยกกล้ามเนื้อมุมกรามออกเข้าหากระดูกมุมกราม เมื่อสามารถเปิดกระดูกมุมกรามส่วนที่ต้องการจะตัดได้เรียบร้อยแล้วจึงใช้เลื่อยตัดกระดูกตามแนวที่ต้องการแล้วเอาชิ้นกระดูกที่เกินนั้นออกไป ตกแต่งมุมกระดูกให้เรียบร้อยแล้วจึงทำการเย็บแผลปิด วิธีนี้แพทย์สามารถผ่าตัดได้ง่าย เนื่องจากไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรพิเศษมากนัก และไม่ต้องผ่านช่องปากเข้าไปหากระดูก อาการบวมจึงมักจะน้อยกว่า แต่วิธีนี้มีโอกาสที่แพทย์อาจจะกระทบกระเทือนต่อเส้นประสาทที่มาเลี้ยงมุมกรามได้ แม้จะเป็นการชั่วคราวแต่ก็สามารถทำให้เกิดการเอียงหรือเบี้ยวของมุมปากได้ในระยะแรก และสิ่งสำคัญคือแผลผ่าตัดที่มุมกรามนั้นบางรายอาจจะสามารถเห็นและสังเกตได้ และบางรายก็เกิดอาการแผลปูดนูนตามมาในระยะหลังได้ ซึ่งจะต้องทำการรักษาต่อไป


บุคคลที่เหมาะสม กับการผ่าตัดกราม

  1. ขนาดกราม คาง และขากรรไกรล่าง มีขนาดใหญ่ ไม่ได้สัดส่วนกับใบหน้าโดยรวมทั้งหมด
  2. มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคแอบแฝงที่เป็นอันตรายต่อการผ่าตัดและดมยาสลบ
  3. มีความคาดหวังผลการผ่าตัดอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ( realistic expectation)
  4. สามารถยินยอมให้แพทย์ผ่าตัดได้

 

หลักการเลือกศัลยแพทย์ ตัดกราม

  1. ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ  มีใบรับรองวุฒิบัตร หรืออนุมัติบัตร ( Board Certified ) ได้แก่ ศัลยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง Plastic Surgeon หรือ ศัลยแพทย์กระดูกขากรรไกร และใบหน้า Maxillofacial Surgeon
  2. ตรวจสอบประสบการณ์และความชำนาญให้แน่ชัด เพราะการผ่าตัดกระดูกใบหน้าอันตรายมาก ระวังการตัดกระดูกไม่เรียบ กระดูกขากรรไกรแตกหัก,  เสันประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อปากเวลายิ้มหรืออ้าปากฉีกขาด ศัลยแพทย์สามารถดูแลให้คำปรึกษาเรื่องปัญหาแทรกซ้อนจากการตักกรามได้
  3. มีทักษะความชำนาญในการผสมผสาน  การผ่าตัดกราม  กับความงามทุกส่วนบนใบหน้าได้อย่างมืออาชีพ

 



7  เทคนิคผ่าตัดกราม  ปรับรูปหน้า  

           เนื่องจากโครงสร้างรูปหน้าของแต่ละคนจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป  การปรับโครงใบหน้าส่วนล่าง ที่ประกอบไปด้วย   กราม  คาง และขากรรไกร  เป็นหลัก  การผ่าตัดในส่วนนี้จะต้องมองให้ผสมผสาน  กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  โดยสัดส่วนของกราม ขากรรไกร และคาง ต้องดูให้เป็นเหมือนส่วนเดียวกัน    จึงต้องมีการผ่าตัด ปรับรูปทรงของกราม  คาง  และขากรรไกร ไปพร้อมๆกัน  จึงมีความหลากหลายของเทคนิค  เพื่อเป็นทางเลือกในการปรับใบหน้าในส่วนนี้ ให้ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ กลมกลืนไปหมดทั้งใบหน้า ดังแสดงในภาพดังต่อไปนี้


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่ 1  เป็นการผ่าตัด เพื่อลบมุมขากรรไกรล่างออกเท่านั้น  เหมาะกับผู้ที่มีมุมกรามใหญ่เด่นชัด แต่มีขนาดและรูปทรงของคางเหมาะกับรูปหน้าอยู่แล้ว  ส่วนขนาดและรูปทรงของขากรรไกรล่าง ก็มีสัดส่วนที่ดีอยู่แล้ว  จึงต้องการผ่าตัดเอามุมกรามหรือมุมขากรรไกรล่างออกเท่านั้น


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่ 2    เป็นการผ่าตัดลดขนาด ขากรรไกรล่างด้านในสุด  ไล่ยาวมาถีง ด้านข้างขากรรไกรล่าง   เหมาะกับผู้ที่มีขากรรไกรล่าง( คาง )ได้สัดส่วนกับใบหน้าสวยงามดีอยู่แล้ว   แต่มีขากรรไกรล่างส่วนในสุด( กราม )มีขนาดใหญ่เกิน


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่ 3  เป็นเทคนิคการตัดกราม ที่เริ่มจากมุมขากรรไกรล่างด้านในสุดตัดยาวมาจนถึงด้านข้างของกระดูกคาง(  ขากรรไกรล่างด้านหน้า )  เหมาะสำหรับคนที่มีรูปหน้าเป็นสี่เหลี่ยม กรามใหญ่ คางกว้าง


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่ 4  เป็นเทคนิคการตัดกราม ที่ผ่าตัดเอากระดูกมุมของคางออกทั้งสองข้าง เหมาะกับผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรล่างด้านในได้สัดส่วนอยู่แล้ว  แต่คางเป็นขนาดพอดีแต่เป็นเหลี่ยมมุม


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่  5 เป็นการผ่าตัดลดขนาดกระดูกคางด้านหน้าและด้านข้าง ยาวไปถึงกลางขากรรไกรล่าง เหมาะกับคนที่มีขนาด คางกว้าง และใหญ่


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่  6  เป็นการตัดกระดูกคางด้านหน้าและด้านข้าง เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกคางกว้างและยาวกว่าปกติ


- เทคนิคการผ่าตัดกราม แบบที่  7  เป็นการผ่าตัดขากรรไกรล่างด้านในสุดผ่านขากรรไกรล่างด้านหน้า ( คาง) ยาวเป็นรูปเกือกม้า เหมาะสำหรับคนที่มีสัดส่วนใบหน้าส่วนล่าง ( กราม คาง ขากรรไกรล่าง) ยาวมากกว่าปกติ


 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดกราม

 

          การเตรียมตัวที่ดีจะทำให้ผลการผ่าตัดออกมาดี ไม่บอบช้ำมาก และฟื้นตัวเร็ว การผ่าตัดทุกชนิดต้องการ การดูแลเอาใจใส่สุขภาพร่างกาย และจิตใจ ก่อนและหลังการผ่าตัดรวมถึงการวางแผนระยะเวลาการฟักฟื้น  การปรึกษาและการได้รับข้อมูลจากแพทย์เกี่ยวกับปัญหาแทรกซ้อนและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ระหว่างและหลังผ่าตัด   ควรมีการเตรียมตัวดังนี้

 

  1. ตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจเลือดทั่วไป CBC , HIV, Hepatitis  ตรวจ EKG และ Stress test กรณีที่อายุเกิน 40 ปีเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าหัวใจแข็งแรงเพียงพอ ที่จะพร้อมรับการผ่าตัดและดมยาสลบ  หรืออายุน้อยกว่านี้ที่แพทย์เห็นว่าอาจจะมีความเสี่ยง รวมถึง X ray ปอดด้วย
  2. งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 อาทิตย์  การสูบบุหรี่จัด จะมีผลต่อระยะเวลาพักฟื้น และการสมานแผลของคนไข้
  3. หยุดยา  วิตามิน  หรือสมุนไพร บางชนิดที่รับประทานประจำ ที่มีผลต่อการไหลออกของเลือด  หรือทำให้เลือดหยุดยากกว่าปกติในระหว่างการผ่าตัด เช่น แอสไพริน  วิตามินอี  สมุนไพร หรือนำยาที่รับประทานประจำไปให้ศัลยแพทย์ดูก่อนการผ่าตัดว่าต้องหยุดยาตัวไหนหรือไม่ จะได้วางแผนไว้ก่อน

 

 

ขั้นตอนการผ่าตัดกราม

 

ใช้เวลาผ่าตัด 1-2 ชั่วโมง ขึ้นกับความยากง่าย และความหนาของกระดูกขากรรไกรล่างโดยมีขั้นตอนดังนี้

 

  1. ดมยาสลบ ต้องงดน้ำ งดอาหาร อย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
  2. ตำแหน่งแผลมักอยู่ในปาก เพื่อซ่อนแผลผ่าตัด
  3. ตัดกระดูกขากรรไกรล่าง ( กราม )ตามแนวที่กำหนด เอากระดูกกรามออกด้วยความระมัดระวังอย่างมาก  เนื่องจากกระดูกมีความคม ต้องป้องกันการโดนเส้นเลือดและเนื้อเยื่อฉีกขาด จากนั้นกรอกระดูกกรามเพื่อลดความคมของกระดูก และปรับแนวกราม – คาง  ให้เรียบเนียนเป็นแนวเดียวกันซึ่ง สำคัญมากที่จะทำให้กรามโค้งสวยได้รูป ไปถึงแนวคาง
  4. เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย

 

การพักฟื้น และการดูแลแผล หลังการผ่าตัดกราม

 

          การผ่าตัดกราม เหลากราม เป็นการผ่าตัดใหญ่ของใบหน้า  หลังการผ่าตัดแพทย์จะให้ยาแก้ปวด ลดบวม และ ยาแก้อักเสบ อาการบวมจะเกิดมากหรือน้อยขึ้นกับแต่ละบุคคล หลังผ่าตัดอาจจะใช้เจลเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมช้ำ และอาการปวดให้น้อยลง อาการบวมจะมากที่สุด 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด หลังจากนั้นจะค่อยๆลดลงจนเข้าที่ประมาณ2-3 เดือน อาการชา อาจจะเกิดขึ้นได้บริเวณใกล้ๆแผลผ่าตัด อาการชาดังกล่าวโดยปกติจะหายไปได้เองแต่ใช้เวลา  อย่างไรก็ตามการดูแลแผลและปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์  จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และระยะเวลาในการพักฟื้นจะน้อยลง เช่น

 

  1. เวลานอนให้ศรีษะสูง
  2. รับประทานอาหารเหลวประมาณ1 เดือน หลังผ่าตัด ลดความปวด และไม่ทำให้แผลฉีกขาด
  3. ใช้ผ้ารัดหน้าตลอดเวลา 3 วันแรกหลังผ่าตัดหลังจากนั้น รัดที่บ้านตอนนอน ช่วยลดบวม ได้เร็วขึ้น ระมัดระวังเวลาล้างหน้าหรือสระผม ให้ทำแบบเบาๆ
  4. ใช้น้ำยาบ้วนปากบ่อยๆ ให้ภายในปากไม่แห้ง คราบเลือดหลุดเร็ว ป้องกันการติดเชื้อด้วย
  5. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องอ้าปากกว้างๆบ่อยๆประมาณ 1 เดือน
  6. งดดื่ม แอลกอฮอล์  และงดสูบบุหรี่ 2 อาทิตย์ หลังผ่าตัด
  7. ไปพบแพทย์ตามนัด มีคำถามสงสัยปรึกษาแพทย์ทันที

 

สามารถกลับไปทำงานได้ 7-10 วันหลังผ่าตัด  ออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด 1 เดือน

  

ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจะเกิดขึ้นได้หลังผ่าตัดกราม

 

การผ่าตัดกราม เป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่

 

  • ความเสี่ยงจากการดมยา
  • เลือดคั่งเป็นถุง Hematoma
  • Deep vein thrombosis
  • Pulmonary embolism
  • ไม่พอใจกับผลผ่าตัด
  • การติดเชื้อ อาจจะเกิดได้บริเวณแผลผ่าตัด ควรบ้วน ล้างปากด้วย น้ำยาบ้านปาก
  • อาการชา อาจจะเกิดได้บริเวณแผลผ่าตัด เพราะเกิดการฉีกขาดขณะผ่าตัด แต่จะหายได้เองประมาณ 6-12 เดือน
  • กรามสองข้างอาจจะไม่เท่ากันได้ เพราะการผ่าตัดกระดูกกรามแผลในปาก การเท่ากันเป๊ะเป็นไปได้ยากแต่แก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดครั้งที่สอง

 

 

รีวิวตัดกราม+ลดโหนกแก้ม