สถิติผู้ชมเว็บไซต์







 

 

 

 

 

 

 

 

ดึงหน้า ผ่าตัดดึงหน้า (Facelift Surgery)

 

 

ดึงหน้า / ศัลยกรรมดึงหน้า   (Facelift Surgery)

          ผ่าตัดดึงหน้า/ ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดแก้ไข ใบหน้าที่หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจาก การเปลี่ยนแปลงที่มาตามวัยที่เพิ่มขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของ มวลกระดูก กล้ามเนื้อ  และความยืดหยุ่นบนใบหน้า กล้ามเนื้อ และผิวหนังที่หน้าผาก  แก้ม กราม คางและคอ ก็จะห้อยลงมา การผ่าตัดดึงหน้าจึงเป็น วิธีการที่ทำให้ใบหน้าดูสดใส เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ 

 

เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้า

          เซเลบคลินิก มีการผ่าตัดดึงหน้าหลายเทคนิค บางท่านอาจจะใช้เพียงเทคนิคเดียว หรือหลายเทคนิคร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุด ดังนี้

  1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม ร่องแก้ม แผลหน้าหู และบริเวณตาล่าง (Mini face lift and Mid face lift)
  2. ผ่าตัดดึงหน้าทั้งหมด( โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม- คาง)  ด้วยแผลหน้าหู และ หลังหู เย็บชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ให้ตึง ( Full facelift )
  3. ผ่าตัดยกกระชับใบหน้าด้วย วัสดุสังเคราะห์  ( Endotine  Mid face lift)
  4.  ผ่าตัดยกกระชับคางห้อย ด้วยการเย็บกล้ามเนื้อใต้คาง ( Neck lift / Neck Tuck )
  5. ผ่าตัดดึงคิ้ว ( Forehead lift )
  6. ผ่าตัดเพิ่มความอูมอิ่ม ( Fat transfer )

 

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ดึงหน้า

หลังจากปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจจะผ่าตัดแล้วแล้ว ต้องมีการเตรียมตัวดังนี้

  • การตรวจสุขภาพร่างกาย  ผลการตรวจทุกอย่าง ประวัติการรักษาพยาบาล รวมถึงการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ต้องตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจ EKG  stress test. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปี ที่อาจจะมีโรคหัวใจ ความดัน ซึ่งจะมีผลต่อการดมยาสลบ
  • หยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2อาทิตย์
  • สระผมด้วยน้ำายาฆ่าเชื้อ
  • ความคาดหวังของผู้ป่วยก่อนผ่าตัดต้องคุยกับแพทย์ให้ชัดเจนถึงความต้องการของผลการผ่าตัดดึงหน้าเช่น  ผลของริ้วรอยหลังผ่าตัดดึงหน้า อาจจะมีใบหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากันได้เนื่องจากไขมันที่เหลือบนใบหน้าอาจจะไม่เท่ากัน

 

วิธีการผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้าต้องทำภายใต้การดมยาสลบ หรือ ยาชา แล้วทำให้ผู้ป่วยหลับด้วย (Sedation) การผ่าตัดจะใช้เวลา 2-4 ชั่วโมง ที่เซเลบคลินิกเรามี การผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์เป็นเหมือนธรรมชาติมี 6 แบบด้วยกันดังนี้ 

1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม- ร่องแก้ม ( Mini facelift / Midface lift  ) เป็นการผ่าตัดเปิดแผลสองตำแหน่งคือที่ใต้ตาล่าง และหน้าหู  การเปิดแผลที่ตาล่าง เพื่อดึงกล้ามเนื้อโหนกแก้ม  การเปิดแผลที่หน้าหูตั้งแต่ขมับเหนือหูลงมาหน้าหู  แล้วเลาะผิวหนัง และเนื้อเยื่อเบริเวณหน้าหู และแก้ม เพื่อกระชับเนื้อเยื่อให้ตึง แล้วตัดผิวหนังส่วนเกินออกเย็บแผลให้เรียบร้อย  เทคนิคนี้ เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มห้อย ย่อนคล้อยไม่มาก

  

2. การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า ( Full face lift) รวม โหนกแก้ม  ร่องแก้ม  แนวกราม-คาง  โดยเปิดแผลหน้าหูถึงหลังหู เปิดเลาะไปถึงชั้น กล้ามเนื้อ  แล้วแยกเอาชั้นของ SMAS ออกมาดึงให้ตึงแล้วตัดส่วนเกินออก  แล้วเย็บให้ตึงที่สุด จากนั้น ชั้นของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง และ ผิวหนังก็ต้องดึงให้ตึงตามชั้นของ SMAS แล้วตัดหนังส่วนเกินในชั้นของเนื้อเยื่อและ ผิวหนังออกให้พอดี แล้วเย็บปิดแผลให้สวยงาม   เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยมาก ถึงแนวกราม-คาง 


3. การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ (Endotine - Mid face lift)  มาช่วยดึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึกของหน้า  ด้วยการเปิดแผลหน้าหู แล้วใช้ Endotine ดึงกล้ามเนื้อแก้มล่างขึ้นตามความต้องการ แล้วตัดหนังส่วนเกินออกแล้ว เย็บปิดแผล   การใช้เทคนิคนี้ จะช่วยให้โหนกแก้มสูงขึ้น แล้ว วัสดุที่ใช้จะสลายไปภายใน 6 เดือน ข้อควรระวัง ตัว  Endotine  อาจจะทำให้เส้นประสาท ฉีกขาดได้

 

4. การผ่าตัดกระชับลำคอ/ ผ่าตัดดึงคอ  มี 2 เทคนิคตามตำแหน่งการเปิดแผลผ่าตัด ดังนี้

 

  • เปิดแผลที่หน้าหูหลังหู ยาว (Neck Lift )ดังรูป Incision line 1 เพื่อกระชับกล้ามเนื้อแก้ม แนว กราม-คาง และคอ โดยการผ่าตัดเลาะชั้นของ SMAS ตั้งแต่ แนวคอ  กราม-คาง และแก้ม แล้วดึงให้ตึง ตัดส่วนเกินออก แล้วเย็บชั้น SMAS ให้ตึงตามแนวรูป
  • เปิดแผลเล็กๆใต้คาง  (Neck Tuck )  ดังรูป incision line no.2 แล้ว พร้อมกับเย็บกระชับกล้ามเนื้อใต้คางให้ชิดกัน   ทำให้ลำคอกระชับดูตึงขึ้น ตัดเอาหนังส่วนเกิน หรือไขมันส่วนเกินจากคอ และคางออกให้พอดี จะได้ลำคอ และคางที่กระชับ ไม่เป็นคางเหมือนไก่งวง

 

การผ่าตัดดึงคอ มักจะทำร่วมกับการดึงหน้า แล้ว กระชับกล้ามเนื้อ ชั้น SMAS  เพื่อให้ใด้ผลการผ่าตัดยกกระชับลำคอ ใต้คาง ได้ผลดี

 

5. การผ่าตัดดึงคิ้ว ( Brow  Lift / Forehead lift ) เป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อให่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แผลผ่าตัดจะอยู่หลังไรผม1-2 เซนติเมตร เป็นการดึงระดับคิ้วขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสชึ้น คิ้วไม่ตก การผ่าตัดดึงคิ้วมี 3 แบบดังนี้

  • ผ่าตัดดึงคิ้วด้วยกล้อง ข้อดีคือแผลเล็ก
  • ผ่าตัดดึงคิ้วแผลเหนือหู ประมาณ5-7 เซนติเมตร
  • ดึงคิ้งแบบแผลกว้าง ในกรณีที่ต้องการ ดึงหน้าผากทั้งหมดให้สูงขึ้น ลดริ้วรอยที่เป็นมากที่หน้าผากอีกด้วย

6. การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน( Fat graft ) โดยเอาไขมันของตัวเองจากส่วนอื่นมาฉีดใส่หน้าให้ดูอูมอิ่ม เต่งตึง สำหรับคนที่หน้าเหี่ยว และผอมตอบ การเพิ่มไขมันบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

 

ในคนไข้บางคน มีความจำเป็นที่ ต้องการทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ อาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อะไรๆหลายเทคนิคผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้ดูอ่อนวัย หน้าตาอูมอิ่มขึ้นสวยงามขึ้น 

 

การดูแลแผลหลังผ่าตัด

 

  • นอนหมอนสูงยกศรีษะให้สูงเท่าที่จะทำได้
  • หลังผ่าตัด 2 วันสระผม ล้างหน้าได้
  • มีการเคลื่อนไหวบ้างอย่างช้าๆ เพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียน
  • สวมผ้ารัดหน้าตลอดเวลา 3 วันแรก จากนั้นสวมเฉพาะกลางคืนอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อช่วยลดบวม
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม1เดือนหลังผ่าตัด
  • หยุดการสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้า อย่างน้อบ 2 อาทิตย์หลังผ่าตัด
  • ไปตามแพทย์นัดทุกครั้ง มีข้อสงสัยอะไรถามแพทย์ที่ผ่าตัดได้ตลอดเวลา
  • หลังผ่าตัด 7 วันตัดไหม และมีบางส่วนตัดไหม 10 วันหลังผ่าตัด

 

 ความเสี่ยงและปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดดึงหน้า

 

  • ปัญหาการคั่งของเลือดHematoma ใต้ผิวหนังหลังผ่าตัด
  • ปัญหาของการสะสมของน้ำเหลีองเป็นบางส่วนของใบหน้า เกิดการยุบบวมช้า
  • ผมร่วง หรือหายไปบริเวณที่เปิดแผล อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้แก้ได้ด้วยการปลูกผม
  • แผลเป็นบริเวณแผลผ่าตัด โดยปกติจะปกปิดโดยผม   แต่บางคนอาจจะเกิดแผลเป็นนูนแดง แต่แก้ไขได้ ด้วยการฉีดยา corticosteroid.หรือการทำหัตถการอื่นๆช่วย
  • อาจจะเกิด skin necrosis   เนื้อผิวหนังอาจจะตายได้เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ
  • ผิวหนังอาจจะไม่เรียบ และสีผิวอาจจะไม่สม่ำเสมอได้แต่แก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่น
  • ไหมที่เย็บอยู่ใต้ผิวหนังอาจจะโผล่ขึ้นมา หรือ เวลาลูบๆแล้วรู้สึกเป็นไหม แต่เป็นไหมละลายต้องใช้เวลา 3-6 เดือน
  • อาจจะทำให้ใบหน้าไม่เท่ากันได้ เนื้องจาก Fat necrosis หรือไขมันที่เหลือบนใบหน้าไม่เท่ากัน
  • การฉีกขาดของเส้นประสาท อาจจะชาได้ หรือกล้ามเนี้ออ่อนแรงได้  มักจะแบบเป็นชั่วคราว สามารถหายได้เอง 6-12 เดือน
  • ความเสี่ยงอื่นๆเหมือนกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป เช่น ความเสี่ยงจากการดมยาสลบ  การติดเชื้อ หรือยา บางตัวที่รับประทานต่อเนื่อง

 

 

การพักฟื้นหลังผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ

 

          หลังการผ่าตัดอาจจะมีอาการบวมช้ำเขียวและ อาการชาประมาณ 1-2 อาทิตย์ ต้องใส่ผ้ารัดหน้า24 ชั่วโมง  3 วันแรกหลังผ่าตัด หลังผ่าตัด หลังจากนั้นใส่ตอนนอน 1 เดือน  อาการบวมช้ำที่หน้าจะเริ่มดีขึ้น หลัง ผ่าตัด 2 อาทิตย์  แล้วให้เริ่มนวดหน้าเบาๆ ช่วยกระตุ้น เส้นประสาท และ ไล่น้ำเหลือง ช่วยยุบบวม สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้  14 วัน หลังผ่าตัด  ออกกำลังกายได้หลังผ่าตัด 4 อาทิตย์  การผ่าตัดจะยุบบวม และอาการชาจะดีขึ้น และเห็นผลการผ่าตัดชัดเจนเต็มที่ 6-12 เดือน

 

 

รูปก่อนและหลัง ดึงหน้า ผ่าตัดดึงหน้า (Facelift Surgery)